สอนวิธีคิดค่าไฟฟ้า ด้วยตัวเอง

เชื่อว่าหลายๆคน กำลังสงสัยว่าทำไมบิลค่าไฟเดือนนี้ถึงได้สูงมากกกกกกกว่าปกติ วันนี้แอดจะช่วยไขข้อสงสัยว่าค่าไฟในแต่ละเดือนเค้าคิดกันยังไงค่ะ

สำหรับค่าไฟของบ้านพักที่อยู่อาศัยนั้น จะประกอบไปด้วย

1. ค่าพลังงานไฟฟ้า (คำนวณตามจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ครัวเรือนใช้ เป็นอัตราก้าวหน้า)
2. ค่าบริการ อัตราคงที่ ที่ 38.22 บาทต่อเดือน
3. หัก ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) โดยคำนวณจาก หน่วยไฟฟ้าที่ใช้คูณ -0.1160 บาท
4. ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% คำนวณจากผลรวมของข้อ 1 ถึง 3 แล้วคูณภาษี 7%

จากนั้นนำตัวเลขข้อ 1 ถึง 4 มารวมกันก็จะได้ค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนค่ะ

โดยอัตราค่าพลังงานไฟฟ้าจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ

• 150 หน่วยแรก (0-150) 3.2484 บาท
• 250 หน่วยต่อไป (151-400) 4.2218 บาท
• 400 หน่วยขึ้นไป (401 ขึ้นไป) 4.4217 บาท
  

นั่นหมายความว่า ถ้าเราใช้จำนวนหน่วยเยอะขึ้น ตัวคูณค่าไฟฟ้าต่อหน่วยก็จะสูงขึ้นไปด้วย

เดือนต่อมา (มี.ค. 63) น้อง A WFH อากาศบ้านเราก็ร้อนนนแสนร้อนต้องเปิดแอร์เกือบจะ 24 ชม. แถมยังต้องชาร์ทคอมชาร์ทมือถือ (ปกติหอบไปชาร์ทที่ออฟฟิตตลอด) ทำให้การใช้ไฟพุ่งกระฉูดเป็น 320 หน่วย ค่าไฟเดือน มี.ค. 63 จะเท่ากับ

• ค่าพลังงานไฟฟ้า
  • แบ่งเป็น 150 หน่วยแรก 150*3.2484 เท่ากับ 487.26 บาท
  • 170 หน่วยต่อมา 170*4.2218 เท่ากับ 717.7062 บาท
• ค่าบริการ เท่ากับ 38.22 บาท
• หัก ค่าไฟฟ้าผันแปร 320 * (-0.1160) เท่ากับ -37.12 บาท
• ภาษีมูลค่าเพิ่ม (487.26+717.706+38.22-37.12)*7% เท่ากับ 84.4246 บาท

ดังนั้น ค่าไฟเดือน ก.พ. 63 ของน้อง A คือ 1,290.4906 บาท (487.26+717.706+38.22-37.12+84.4246)

และนี่ก็คือการคำนวณค่าไฟในแต่ละเดือนที่เราสามารถคำนวณกันได้ด้วยตัวเองค่ะ

สรุปง่ายๆ ยิ่งถ้าเราใช้ไฟจำนวนหน่วยเยอะขึ้น ตัวคูณค่าไฟก็จะแพงขึ้น ทำให้ค่าไฟที่ออกมาสูงขึ้นมากกว่าปกตินั่นเอง

เพื่อนๆคนไหนขี้เกียจคำนวนเองลองเข้าไปใส่ตัวเลขจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ใช้ในเว็บไซด์ของการไฟฟ้านครหลวงเพื่อประมาณค่าไฟฟ้าของตัวเองได้เลย

เพื่อไม่ให้พลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์และกดติดตามเพจของเราด้วยนะค้า