ประกันสุขภาพสำคัญมั้ย


ถ้ามีประกันสุขภาพแจกฟรี เอารึเปล่า

คนส่วนใหญ่น่าตอบว่าเอาอยู่แล้วหล่ะ แหม่ ของฟรีใครๆก็ชอบทั้งนั้น

แล้วถ้าลองเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น ถ้ามีโต๊ะไม้สักพร้อมเก้าอี้อย่างดีครบชุดแจกฟรี เอามั้ย??

Name:  DSE27.1.JPG
Views: 2480
Size:  59.5 KB
ขอบคุณรูปภาพจาก http://www.maruayfurniture.com

สำหรับคำถามนี้ หลายคนน่าจะเริ่มคิดเยอะขึ้น จะเอาหรือไม่เอาดี เมย์คนนึงหล่ะที่ไม่เอา เพราะส่วนตัวคิดว่าคงไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร รู้สึกเกะกะบ้านด้วยซ้ำ

ทีนี้ จะเริ่มเห็นแล้วว่า ของบางอย่าง ต่อให้แจกฟรี ถ้ามันไม่มีประโยชน์กับเรา ก็คงไม่อยากได้ แต่สำหรับประกันสุขภาพนั้น เชื่อว่าทุกคนคิดเหมือนกันว่ามัน มีประโยชน์ วันใดวันหนึ่งต้องได้ใช้แน่ๆ  จึงไม่น่าแปลกใจที่คนส่วนใหญ่จะเลือกรับแบบไม่ลังเล

แต่ในโลกของความเป็นจริงนั้น มันไม่มีประกันสุขภาพมาแจกฟรีหน่ะสิ

แล้วทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่ซื้อประกันสุขภาพ ทั้งๆที่รู้ว่ามันมีประโยชน์?

เมย์มีโอกาสได้คุยกับเพื่อนที่ยังไม่ซื้อประกันสุขภาพ เค้ามีความคิดว่า การจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพปีละสองสามหมื่น เกิดปีนั้นไม่ป่วยเลยมันไม่คุ้ม

แต่ลองมาคิดดูดีๆว่า ถ้าความคุ้มค่าของซื้อประกันสุขภาพ คือการได้เบิกค่ารักษาหนักๆในโรงพยาบาล เช่น ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ โรคมะเร็ง หรือเส้นเลือดในสมองแตก เรายังอยากคุ้มกับมันจริงๆหรอ ส่วนตัวเมย์ยอมไม่คุ้มดีกว่าค่ะ 55555 เพราะประกันสุขภาพมีแล้วไม่ใช้ดีกว่าจะใช้แล้วมันไม่มี (เรื่องนี้ยอมมมมมมม)

แล้วมันจำเป็นต้องมีขนาดนั้นเลยหรอ ประกันสุขภาพเนี่ย?

ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ ลองมาดูตัวอย่างง่ายๆกัน
ทางเลือกแรก ฉันจะไม่ซื้อประกันสุขภาพ
ทางเลือกนี้จะขอใช้วิธีการเก็บเงินเตรียมไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลตัวเองปีละ 20,000 บาท(เท่าค่าเบี้ย) ผ่านไป 10 ปี เก็บเงินได้ทั้งหมด 200,000 บาท (โดยที่ในช่วงสิบปีนี้ต้องไม่ป่วยเลยนะ)

ทางเลือกที่สอง ฉันจะซื้อประกันสุขภาพ
ทางเลือกนี้ยอมจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพอยู่ที่ปีละ 20,000 บาท เป็นเวลา 10 ปี เท่ากับจ่ายเงินไปทั้งหมด 200,000 บาท ทำให้ในระหว่าง 10 ปีนี้ มีวงเงินค่ารักษาพยาบาลอยู่ที่ 3 ล้านบาททุกๆปี (10 ปีก็ 30 ล้าน)

ถ้าตลอดระยะเวลา 10 ปีนี้ โชคดีไม่เป็นอะไรเลย คนส่วนใหญ่ก็จะมองว่า ทางเลือกแรกดีกว่า มีเงินเหลือเก็บตั้ง 200,000 บาทแทนที่จะเอาไปจ่ายเบี้ยประกัน แต่ในทางกลับกัน ถ้าเกิดโชคร้ายป่วยหนัก ช่วงปลายปีที่ 2 (มีเงินเก็บมาแล้ว 40,000บาท) บิลค่ารักษาพยาบาลมาหลักแสน ทางเลือกที่สองย่อมดีกว่าแน่นอน

สรุปง่ายๆ การมีประกันสุขภาพ ช่วยปิดรูรั่วค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงในอนาคตได้เป็นอย่างดี เพราะอย่างน้อยเบี้ยประกันในแต่ละปี เราสามารถกำหนดได้ว่าอยากจ่ายเท่าไหร่ ในขณะที่ค่ารักษาพยาบาล เป็นสิ่งที่ต่อรองไม่ได้ จะขอผ่าตัดไส้ติ่งที่สองหมื่นหรือขอรับคีโมที่เข็มละสามหมื่น ก็คงไม่มีโรงพยาบาลไหนยอม และเมื่อถึงนาทีชีวิตจริงๆ เท่าไหร่เราก็ต้องจ่าย

ในเมื่ออนาคตเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ เราไม่สามารถบอกได้ว่าในทุกๆวันที่ตื่นมาอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะยังแข็งแรงดีแบบนี้มั้ย สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การเตรียมตัวรับมือกับ “ความไม่แน่นอนที่มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” อยู่ที่ว่าเราจะเลือกรับมือแบบไหน ทางเลือกแรกหรือทางเลือกที่สอง

และถ้าคำตอบ คือ ทางเลือกที่สอง เมย์ยินดีให้คำแนะนำค่าา : )

สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บไม่จน เจอกันใหม่โพสหน้าค่า : )