รูปแบบการใช้ชีวิตคู่ในสังคมปัจจุบัน มีความหลากหลายมากขึ้น หลายคู่สร้างครอบครัวร่วมกันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส หรือบางคู่อาจเป็นคู่รักเพศเดียวกันก็มีมากมาย เมื่อใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกันเป็นระยะเวลานาน หลายคู่เริ่มอยากสร้างความมั่นคงให้กับคู่ของตนด้วยการทำทุนประกันชีวิตให้แก่กัน เพราะถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นคงไม่มีใครอยากทิ้งคู่ของตนให้ลำบากอยู่เพียงลำพัง จึงเป็นที่มาของหนึ่งในคำถามยอดฮิตที่ว่า
“คู่รักไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน สามารถทำประกันชีวิตแล้วยกผลประโยชน์ให้กันได้หรือไม่”
ถ้าลองมาดูตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับกรมธรรม์ประกันชีวิต อย่างประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 862 นั้น พบว่า กฎหมายไม่ได้บังคับว่าผู้รับประโยชน์จะต้องเป็นบุคคลซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับผู้เอาประกันภัย จึงเป็นสิทธิของผู้เอาประกันภัยว่าจะระบุให้บุคคลใดเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตก็ได้
นั่นหมายความว่า เราจะยกผลประโยชน์จากกรมธรรม์ประกันชีวิตให้กับใครก็ได้
แต่ช้าก่อน ในทางปฏิบัตินั้น หนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่บริษัทผู้รับประกันภัยจะรับพิจารณา คือ ผู้รับประโยชน์ต้องเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เอาประกันภัยเสมอ
หลายคนอาจจะคิดว่า ส่วนได้เสียกัน อื่มมม แบบนี้เข้าเงื่อนไขแล้วสิ
ยั๊งง คนละได้เสียค่ะ 555555
คำว่าผู้มีส่วนได้เสียในที่นี้ หมายถึง คนที่ได้รับประโยชน์จากการมีชีวิตอยู่ของผู้เอาประกันภัย และเสียประโยชน์จากการจากไปของผู้เอาประกันภัยเช่นกัน
ยกตัวอย่าง เช่น ความสัมพันธ์พ่อแม่ลูก ในช่วงเวลาที่ลูกยังเด็กนั้น ยังคงต้องพึ่งพาการดูแลทางด้านการเงินจากพ่อแม่อยู่ ถ้าพ่อแม่จากไปในขณะที่ลูกยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ลูกย่อมมีส่วนได้เสียในการจากไปครั้งนี้อย่างแน่นอน ดังนั้น พ่อแม่สามารถทำประกันชีวิตแล้วยกผลประโยชน์เป็นทุนประกันชีวิตให้กับลูกได้ หรือจะเป็นความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาก็ใช้หลักคิดแบบเดียวกัน
เหตุผลที่บริษัทประกันกำหนดเงื่อนไขข้อนี้ขึ้นมา ก็เพื่อปกป้องผู้เอาประกันภัย เพราะถ้าเราสามารถยกผลประโยชน์จากการเสียชีวิตของเราให้ใครก็ได้นั้น อาจมีมิจฉาชีพบางกลุ่มใช้ช่องว่างตรงนี้หลอกให้คนทำประกันชีวิตแล้วยกผลประโยชน์ให้แก่ตัวเอง หลังจากนั้นก็ทำร้ายบุคคลดังกล่าวให้ถึงแก่ความตายเพื่อรับเงินเอาประกันก็เป็นได้ การกำหนดว่าผู้รับผลประโยชน์ต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียจึงช่วยตัดปัญหาการทำประกันชีวิตเพื่อหวังฆาตกรรมเอาเงินประกันชีวิต เพราะคงไม่มีใครอยากให้คนที่มีส่วนได้เสียในชีวิตจากไปเพียงเพื่อหวังจะเอาเงินประกันถูกมั้ยคะ
สำหรับการพิจาณาผู้มีส่วนได้เสียของแต่ละบริษัทประกันนั้น ขึ้นอยู่กับนโนบายของแต่ละบริษัทอีกเช่นกัน แต่ในทางปฏิบัติที่ผ่านมา การทำประกันชีวิตแล้วยกผลประโยชน์ให้คู่รักที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสนั้น ผู้เอาประกันจะต้องส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์ เช่น ทะเบียนบ้านที่อยู่ร่วมกัน, บัญชีธนาคารที่เปิดร่วมกัน, การขอสินเชื่อร่วมกัน หรือการมีชื่อในอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน เป็นต้น นอกจากนี้ทั้งคู่อาจทำประกันชีวิตแบบไขว้กัน คือ ต่างฝ่ายต่างเป็นผู้รับผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน แบบนี้ก็จะช่วยเพิ่มน้ำหนักในการพิจารณารับประกันจากบริษัทประกันได้ค่ะ
รู้แบบนี้แล้ว ใครอยากสร้างความคุ้มครองให้คนที่เราอยากเห็นเค้าเติบโต แม้ในวันที่เราไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว ลองปรึกษาตัวแทนประกันชีวิตที่ไว้ใจข้างกายดูค่ะ
สำหรับใครที่สนใจอยากออมเงินด้วยประกันเงินออม ปรึกษาเรื่องการวางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ วางแผนภาษี กองทุนรวม ประกันสุขภาพ สามารถทักส่วนตัวมาในเฟซบุ๊คเพจ แอร์หมวยขี้งก ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆค่า

Leave a comment