5 เรื่องที่คนมักเข้าใจผิด เกี่ยวกับ Easy E-Receipt

เริ่มไปแล้วสำหรับ Easy E-Receipt โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงวันที่ 1 ม.ค. 67 ถึง 15 ก.พ. 67 ซึ่งยังมีบางเรื่องที่คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในโครงการนี้ มีอะไรบ้างแล้วจริงๆต้องใช้สิทธิยังไง ไปดูกันเลยค่า
 

1.ใบเสร็จ/ใบกำกับภาษีที่เป็นไฟล์ PDF คือ E-Receipt ที่เอามาใช้ลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด (ผิด)

จริงๆแล้วต้องเป็นใบเสร็จ/ใบกำกับภาษีที่ออกจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการออกใบกำกับภาษีแบบอิเล็คทรอนิกส์(e-Tax Invoice) สำหรับร้านค้าไหนที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ e-Tax Invoice & e-Receipt / e-Tax Invoice by Email จากกรมสรรพากรแล้วออกใบเสร็จ/ใบกำกับภาษีแบบกระดาษมา Scan เป็น File PDF แบบนี้ไม่สามารถเอามาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ค่ะ

2.ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท คือ ได้เงินคืนภาษีสูงสุด 50,000 บาท (ผิด)

ใบเสร็จเหล่านี้เป็นยอดใช้จ่ายในการนำไป “ลดหย่อนภาษี” จากรายได้ทั้งปีของผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งแต่ละคนก็จะได้รับเงินคืนภาษีไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับฐานภาษีของตัวเอง เช่น ถ้าฐานภาษีอยู่ที่ 5% ซื้อสินค้าและบริการเต็มสิทธิ 50,000 บาทในโครงการนี้ จะได้รับเงินคืนภาษีอยู่ที่ 2,500 บาท(50,000*5%)

หรือ ถ้าฐานภาษีอยู่ที่ 20% ซื้อสินค้าและบริการเต็มสิทธิ 50,000 บาทในโครงการนี้ จะได้รับเงินคืนภาษีอยู่ที่ 10,000 บาท(50,000*20%) เป็นต้น

3.ร้านค้าจด Vat แต่ไม่มีชื่อในระบบ  e-Tax Invoice & e-Receipt ไม่สามารถเอามาใช้ลดหย่อนภาษีได้ (ผิด)

กรณีนี้แนะนำว่าให้ลองเช็คใน e-Tax Invoice by Email ซึ่งมักเป็นร้านค้าขนาดเล็ก ถ้าไม่เจอทั้ง 2 เว็ปแบบนี้แสดงว่าร้านค้าดังกล่าวไม่ได้เข้าร่วมโครงการนี้

4.ซื้อสินค้าและบริการอะไรก็ได้ในช่วงวันที่ 1 ม.ค. 67 – 15 ก.พ. 67 (ผิด)
สินค้าและบริการที่ไม่ได้เข้าร่วมในโครงการนี้ ได้แก่ 

  • สุรา เบียร์ ไวน์ ยาสูบ
  • รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ
  • น้ำมันและก๊าซค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า
  • ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต  
  • ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

5.ยอดใช้จ่ายปีนี้ใช้ลดหย่อนภาษี 2567 ได้เลย (ผิด)

รายการใช้จ่ายในโครงการนี้ จะสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษี สำหรับภาษีเงินได้บุคคุลธรรมดาปี 2568 ค่ะ ใครไปใช้สิทธิที่ร้านไหนมาแล้วกันบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยนะคะ